โฆษณาแบบตามหลอกหลอน ที่เรียกว่า Retargeting
- Loetworawit Hongsanga
- Aug 26, 2024
- 1 min read
เคยไหม? เมื่อคุณกำลังเล่นโซเชียลอยู่ดีๆ แล้วจู่ๆ โฆษณาที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่คุณเพิ่งค้นหาหรือสนใจไม่นานนี้กลับโผล่ขึ้นมาราวกับว่ามันแอบฟังคุณอยู่ มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง จนคุณอาจจะรู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่เป็นการตามติดหลอกหลอนคุณไปทุกที่ โฆษณาแบบนี้เราเรียกกันว่า "Retargeting"

Retargeting คืออะไร?
Retargeting คือกระบวนการที่โฆษณาได้รับการแสดงผลให้กับผู้ใช้งานที่เคยเข้าชมหรือมีปฏิสัมพันธ์กับเว็บไซต์หรือสินค้าของคุณมาก่อน มันคือการตามติดไปทุกที่ ทั้งบนเว็บไซต์อื่นๆ หรือในแอปพลิเคชัน โดยใช้เทคโนโลยีการติดตามพฤติกรรมผู้ใช้งาน เช่น Cookies หรือ Pixel เพื่อรวบรวมข้อมูลและแสดงโฆษณาที่เกี่ยวข้องให้เห็นซ้ำๆ
วิธีการทำงานของ Retargeting
การเก็บข้อมูลการเยี่ยมชม: เมื่อผู้ใช้งานเข้าชมเว็บไซต์ของคุณ โค้ด Retargeting จะถูกฝังลงในเบราว์เซอร์ของผู้ใช้งานผ่าน Cookies หรือ Pixel
การสร้างกลุ่มเป้าหมาย: ข้อมูลที่ถูกเก็บไว้จะถูกใช้เพื่อสร้างกลุ่มเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจง เช่น ผู้ที่เยี่ยมชมหน้าผลิตภัณฑ์แต่ไม่ได้ทำการซื้อ
การแสดงผลโฆษณา: เมื่อผู้ใช้งานเข้าชมเว็บไซต์อื่นๆ ที่เป็นพาร์ทเนอร์ของคุณ โฆษณาที่เกี่ยวข้องจะถูกแสดงขึ้นมา โดยเน้นเนื้อหาที่ผู้ใช้งานสนใจ

ทำไม Retargeting ถึงมีผลกระทบต่อความรู้สึก?
Retargeting ไม่ได้เป็นเพียงแค่โฆษณาทั่วไปที่ปรากฏขึ้นแบบสุ่มสี่สุ่มห้า แต่มันเหมือนกับการตอกย้ำสิ่งที่เราเคยสนใจหรือคิดถึง ทำให้เกิดความรู้สึกที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกถูกตามหลอกหลอน ความรู้สึกว่ามีคนคอยเฝ้ามองเราอยู่ หรือแม้กระทั่งความรู้สึกที่เป็นแรงบันดาลใจในการตัดสินใจซื้อ
โฆษณาที่ไม่ได้หลอกหลอนแต่ช่วยเหลือ
แม้ว่า Retargeting อาจจะดูเหมือนเป็นการตามหลอกหลอน แต่มันก็มีประโยชน์ในมุมของการสร้างความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้งาน เพราะมันทำให้ผู้บริโภคไม่ต้องเสียเวลาในการค้นหาสิ่งที่เคยสนใจอีกครั้ง โฆษณาที่ปรากฏขึ้นมาอาจเป็นเครื่องเตือนใจให้เรากลับไปดูสินค้าอีกครั้ง หรืออาจจะเป็นโปรโมชั่นที่น่าสนใจที่กระตุ้นให้เราตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
ข้อควรระวังของ Retargeting
ความรู้สึกถูกละเมิดความเป็นส่วนตัว: หากโฆษณาตามติดมากเกินไป ผู้ใช้งานอาจรู้สึกว่าถูกละเมิดความเป็นส่วนตัว
ความล้าของผู้บริโภค: โฆษณาที่ปรากฏซ้ำๆ อาจทำให้ผู้ใช้งานรู้สึกรำคาญ และเกิดความล้าจากการเห็นสิ่งเดิมซ้ำๆ
การจัดการข้อมูล: การจัดการข้อมูลของผู้ใช้งานต้องได้รับการดูแลอย่างรอบคอบเพื่อไม่ให้เกิดการละเมิดกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
เทคนิคในการทำ Retargeting ให้มีประสิทธิภาพ
การกำหนดระยะเวลาการแสดงผล: ไม่ควรตามหลอกหลอนผู้ใช้งานมากเกินไป ควรกำหนดระยะเวลาในการแสดงโฆษณาให้เหมาะสม
การปรับเปลี่ยนเนื้อหาโฆษณา: เนื้อหาโฆษณาควรมีการเปลี่ยนแปลงให้เหมาะสมกับการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้ใช้งาน
การใช้เทคโนโลยี AI: AI สามารถช่วยในการวิเคราะห์พฤติกรรมและปรับปรุงการแสดงผลโฆษณาให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้งานมากขึ้น
สรุป: การ Retargeting คือการตามหลอกหลอนที่มีคุณค่า
โฆษณาแบบ Retargeting อาจดูเหมือนเป็นการตามหลอกหลอนที่คอยตอกย้ำสิ่งที่เราสนใจ แต่มันก็มีคุณค่าในด้านการช่วยเหลือให้ผู้บริโภคได้พบกับสิ่งที่พวกเขาสนใจและอาจพลาดไป หากมีการจัดการและใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสม Retargeting สามารถเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการเพิ่มยอดขายและสร้างความพึงพอใจให้กับผู้บริโภค
คำถามที่พบบ่อย (FAQs)
Retargeting แตกต่างจากการโฆษณาทั่วไปอย่างไร?
Retargeting มุ่งเน้นการแสดงผลโฆษณาให้กับผู้ที่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับสินค้าหรือบริการแล้ว ต่างจากโฆษณาทั่วไปที่แสดงผลให้กับทุกคน
การ Retargeting ใช้เวลาแสดงผลนานเท่าไหร่?
ระยะเวลาการแสดงผลของ Retargeting ขึ้นอยู่กับการตั้งค่าของผู้ลงโฆษณา แต่ควรอยู่ในระยะเวลาที่เหมาะสมเพื่อไม่ให้ผู้ใช้งานรู้สึกรำคาญ
Retargeting ทำให้ข้อมูลส่วนตัวของเราถูกเก็บหรือไม่?
Retargeting ใช้ Cookies หรือ Pixel ในการติดตามพฤติกรรมการใช้งาน แต่มันไม่สามารถเก็บข้อมูลส่วนตัวที่ละเอียดอ่อนได้
เราสามารถปิดการทำงานของ Retargeting ได้หรือไม่?
ผู้ใช้งานสามารถปิดการติดตามของ Cookies ผ่านการตั้งค่าของเบราว์เซอร์หรือใช้เครื่องมือป้องกันการติดตามได้
Retargeting มีผลต่อความรู้สึกของผู้ใช้งานอย่างไร?
Retargeting อาจทำให้ผู้ใช้งานรู้สึกถูกตามหลอกหลอน แต่ก็สามารถสร้างความสะดวกสบายในการกลับมาค้นหาสิ่งที่สนใจอีกครั้ง
Comentários